หากคุณกำลังจะทาสีไม้ ไม่ว่าจะเป็นผนังไม้ พื้นไม้ หรือเฟอร์นิเจอร์ไม้ แล้วเคยคิดว่าสีทาไม้ก็เหมือน ๆ กันหมด จะซื้ออะไรมาใช้ก็คงไม่ต่างกัน รู้ไหมว่าคุณกำลังคิดผิด ถึงจะทาไม้ได้เหมือนกัน ถ้าซื้อมาใช้ผิดประเภทรับรองปัญหาเกิดแน่นอน เนื่องจาก สีย้อมไม้ ยูรีเทนทาไม้ น้ำมันทาไม้ หรือแลคเกอร์ ต่างก็มีคุณสมบัติที่เหมาะกับไม้แต่ละแบบ งานแต่ละประเภท เพราะฉะนั้นควรต้องรู้จัก ทำความเข้าใจให้ดีก่อนไปซื้อมาใช้
เลือกอ่านตามหัวข้อที่สนใจ
>> สีทาไม้ <<
>> สีย้อมไม้ <<
>> ยูรีเทนทาไม้ <<
>> น้ำมันทาไม้ <<
>> วิธีใช้สีงานไม้ตามแบบช่างไม้มืออาชีพ <<
>> 5 ข้อควรระวังในการทาสีไม้ <<
>> คำแนะนำในการเลือกซื้อสีทาไม้<<
>> สรุป วิธีเลือกสีงานไม้ ซื้อรุ่นไหนดี <<
สีทาไม้ คืออะไร
สีทาไม้ หรือ Wood Coating คือการเรียกชื่อผลิตภัณฑ์สีที่เอาไว้ใช้กับงานไม้ทุกรูปแบบ มีทั้งที่เป็นฟิล์มสีแบบโปร่งแสง หรือที่เรียกว่า สีย้อมไม้ มีคุณสมบัติโชว์ลายไม้ได้ดี และฟิล์มสีแบบทึบแสง ที่สามารถทากลบลายไม้เดิม หรือสีเดิมจนมิด
คำว่า สีทาไม้ มักจะหมายถึง สีทาไม้ชนิดฟิล์มทึบแสง โดยทั่วไปจะใช้เป็น สีน้ำมัน ประเภทแอลคีดในการทา ซึ่งข้อดีคือสามารถกลบพื้นผิวได้มิด แต่ข้อเสียคือกลิ่นจะค่อนข้างแรง (เพราะต้องผสมทินเนอร์) และใช้เวลาแห้งค่อนข้างนานราว ๆ 6-8 ชั่วโมงต่อเที่ยว แต่ปัจจุบันมีนวัตกรรมสีทางเลือกใหม่ ๆ เช่น สีทาไม้สูตรน้ำ หรือสีน้ำมันสูตรอะคริลิก ที่มาแก้ไขจุดด้อยในส่วนนี้
สีทาไม้สูตรน้ำ | สีน้ำมันอะคริลิก | สีน้ำมันแอลคีด |
- สีทาไม้สูตรน้ำ เช่น Beger ColorShield สีทาไม้สูตรน้ำชนิดทึบแสง ให้ฟิล์มสีกึ่งเงากึ่งด้าน ปกป้องสีไม้สวยสดทนทานจากสภาวะอากาศได้ถึง 15 ปี ทนกว่าสีน้ำมันทั่วไป 3 เท่า อีกทั้งยังกลิ่นอ่อน แห้งเร็ว และสามารถเลือกเฉดสีที่ชอบได้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นสีทาไม้สีขาว สีทาไม้สีน้ำตาล หรือสีอื่น ๆ กว่า 1,300 เฉดสี เป็นต้น
- สีน้ำมันสูตรอะคริลิก เช่น สีทาเหล็ก BegerShield Griptech 2 In 1 ที่ทาได้ทุกพื้นผิว เหล็ก ไม้ ปูน และแห้งไวใน 1 ชั่วโมง เท่านั้น ส่วนเรื่องเฉดสีมีให้เลือกทั้งแบบเงา และแบบด้าน กว่า 13 เฉดสี
สีย้อมไม้ คืออะไร
สีย้อมไม้ (Wood Stain) หรือที่มักเรียกกันว่า วูดสเตน เป็นสีที่มีเนื้อโปร่งแสง จึงเหมาะกับคนที่อยากโชว์ลายไม้สวย ๆ สีชนิดนี้จะมีความยืดหยุ่นสูง สามารถยืดหดตามการบิดตัวของไม้ได้ จึงเหมาะกับงานไม้แนวตั้ง เช่น ผนัง ระแนง เชิงชาย บัว วงกบ ฝาบ้าน ประตู หรือหน้าต่าง ฯลฯ ฟิล์มสีมีทั้งชนิดเงา กึ่งเงา และด้าน รวมทั้งยังมีทั้งแบบมีสีและแบบใส
วูดสเตน นอกจากจะช่วยให้ไม้ดูสวยงามยิ่งขึ้น ยังสามารถช่วยปกป้องเนื้อไม้จากปัญหาต่าง ๆ เช่น ป้องกันความเสียหายจากรังสี UV ที่อาจทำให้ไม้ลอกล่อนซีดจาง ป้องกันน้ำซึมไม้ ปกป้องไม้จากเชื้อรา ตะไคร่น้ำ ปลวก มด มอด และแมลงกินไม้อื่น ๆ ได้อีกด้วย โดยส่วนใหญ่ที่วางขายปัจจุบันจะแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ สีย้อมไม้สูตรน้ำมัน และสีย้อมไม้สูตรน้ำ
ข้อควรระวัง : ห้าม! นำสีย้อมไม้ ไปทาพื้นโดยเด็ดขาด เนื่องจากอาจทำให้เกิดปัญหาพื้นเหนียวได้ ควรใช้สีทาพื้นไม้โดยเฉพาะ เช่น Beger DeckStain Beger SuperDeck หรือกลุ่มสีโพลียูรีเทน เช่น Beger Polyurethane 1K Supreme เป็นต้น
สีย้อมไม้สูตรน้ำมัน
ตัวผลิตภัณฑ์จะทำมาจากแอลคีดเรซิน สีสูตรนี้จะเหมาะกับงานไม้ภายนอก ที่ต้องการปกป้องไม้จากสภาวะอากาศ ทนแดด ทนฝน เนื่องจากโมเลกุลของเนื้อสีสามารถซึมลึกลงไปในเนื้อไม้ได้ดีที่สุด ยืดหยุ่นได้ดี และจะมีความเงางามสูง
ตัวอย่างสีย้อมไม้สูตรน้ำมัน | Beger WoodStain Supreme Gloss (สี-เงา), Beger WoodStain Supreme Semi Gloss (สี-กึ่งเงา), Beger WoodStain Supreme Clear Coat (ใส-เงา-ด้าน), Beger WoodStain Gloss (ใส-สี-เงา), Beger WoodStain Semi Gloss (ใส-สี-กึ่งเงา) โดยสินค้า สีงานไม้เบเยอร์ ซูพรีม จะเป็นสีเกรดสูงสุด
สีย้อมไม้สูตรน้ำ
หากใครไม่ชอบกลิ่นสี อยากทาเสร็จเข้าอยู่ได้ไว น่าจะตอบโจทย์ตรงความต้องการมากกว่า เพราะความพิเศษคือตัวสีจะทำมาจากอะคริลิกเรซิน กลิ่นอ่อนมาก จึงเหมาะกับการทาไม้ภายในบ้าน หรือใครจะเอาไปทาไม้นอกบ้านก็ได้เช่นกัน
ตัวอย่างสีย้อมไม้สูตรน้ำ | Beger Aqua WoodStain
ยูรีเทนทาไม้ คืออะไร
คือน้ำมันเคลือบแข็งประเภทหนึ่งที่ทำมาจากโพลียูรีเทน มักใช้เคลือบแข็งพื้นไม้ หรือท็อปของโต๊ะ เสมือนการเคลือบแก้วรถยนต์ เนื่องจากให้ความทนทานต่อการเหยียบย่ำ ทนการขูดขีด ทนแรงกระแทก ทนความร้อน-ความเย็น และทนสารเคมีในชีวิตประวันได้ดี โดยมากจะใช้ในพื้นที่ในร่ม หรือภายในบ้านที่อาจมีแดดส่องถึงเป็นบางเวลา แต่จะไม่นิยมใช้ทาภายนอกบ้าน เนื่องจากตัวฟิล์มไม่ได้ถูกออกแบบมาให้ยืดหยุ่นตามเนื้อไม้ และทนสภาวะอากาศภายนอกเหมือนกับสีย้อมไม้ ยูรีเทนจะมีทั้งชนิดฟิล์มเงามาก (High Gloss) เงา (Gloss) กึ่งเงา (Semi Gloss) และชนิดด้าน (Matt) โดยสามารถแบ่งย่อยได้เป็นอีก 2 ประเภท ได้แก่ ยูรีเทน 1K และ ยูรีเทน 2K
โพลียูรีเทนทาไม้ระบบ 1 ส่วนผสม (Polyurethane 1K)
เป็นโพลียูรีเทนชนิดดั้งเดิมที่ถูกใช้มาอย่างยาวนาน ชนิดเงาจะให้ความเงางามสูงมาก แล้วด้วยความเป็นเนื้อโปร่งแสงมีทั้งชนิดมีสี และชนิดสีใส เลยทำให้เห็นลายไม้ชัด เช่น เบเยอร์ ยูนีเทน B-52 ตัวขายดีอันดับ 1 จากเบเยอร์
ตัวอย่างยูรีเทนทาไม้ 1K | Beger Polyurethane 1K Supreme Outdoor (ภายในและภายนอก), Beger Unithane B-52 (ภายใน), Beger Aqua Polyurethane (สูตรน้ำ)
โพลียูรีเทนทาไม้ระบบ 2 ส่วนผสม (Polyurethane 2K)
ยูรีเทนระบบ 2 ส่วนผสม ถูกพัฒนาต่อมาจากแบบส่วนผสมเดียว และผสมสารที่ทำให้แห้งไว ยูรีเทนชนิดนี้จะประกอบไปด้วย Part A และ ถัง Part B วิธีการใช้งานคือจะต้องนำสอง Part มาผสมกันในอัตราส่วนที่กำหนดก่อนการทา มีทั้งชนิดสีใส และชนิดมีเฉดสีตัวอย่างยูรีเทนทาไม้ 2K | Beger Polyurethane 2K Supreme (สีใส), Beger B-5000 Polyurethane 2K (สีใส), Beger B-5000 Polyurethane 2K Colour (เฉดสี)
ในการทาโพลียูรีเทนระบบสองส่วนผสมจำเป็นต้องใช้ความชำนาญสูง เนื่องจากจะต้องผสมอัตราส่วนให้พอดี กำหนดความหนาในการทา และเว้นระยะเวลาแห้งให้เหมาะสม ซึ่งปัญหาที่มักเจอบ่อย ๆ เช่น ผสมอัตราส่วนผิดทำให้สีแห้งช้า หรือทาเที่ยวที่สองในขณะที่สีไม่แห้งทำให้ผิวเป็นคลื่นไม่เรียบ
แม้จะบอกไปว่า โพลียูรีเทน ไม่เหมาะกับการทาภายนอก แต่ก็มีโพลียูรีเทนบางชนิดที่ใช้ภายนอก เช่น เบเยอร์ โพลียูรีเทน 1K ซูพรีม เอาท์ดอร์ ที่สามารถทนแดด ทนฝน ได้เป็นอย่างดี พร้อมทั้งพ่วงคุณสมบัติสุดแกร่งของการเป็นยูรีเทนมาอย่างครบครัน เรียกได้ว่าตัวนี้ตัวเดียว ทาได้ทั้งภายนอก ภายใน ทั้งพื้น ทั้งผนัง ทั้งเฟอร์นิเจอร์
น้ำมันทาไม้ คืออะไร
น้ำมันทาไม้ คือน้ำมันรักษาเนื้อไม้ เป็นการเอาน้ำมันมาทาบำรุงเนื้อไม้ ช่วยทดแทนน้ำมันตามธรรมชาติของไม้ ทำให้ไม้คงทนต่อสภาพอากาศได้ดีขึ้น มีลักษณะเป็นสีใส จึงช่วยให้โชว์ลายไม้เดิมตามธรรมชาติ เช่น Beger Teak oil ส่วนใหญ่มักจะใช้ทาเฟอร์นิเจอร์ไม้ภายนอก ที่ต้องโดนแดด โดนฝน การทาน้ำมันทาไม้ก็เปรียบเสมือนการที่เราเอาโลชั่นมาทาตัวบำรุงผิวนั่นเอง โดยปกติจะนิยมทาใหม่เป็นประจำทุกปี
ตัวอย่างน้ำมันทาไม้ | Beger Teak Oil
แลคเกอร์ คืออะไร
แลคเกอร์ (Lacquer) คือผลิตภัณฑ์เคลือบผิวไม้ที่ทำมาจากไนโตรเซลลูโลสผสมกับเรซิน สามารถนำมาพ่น หรือทาก็ได้ (แต่นิยมใช้พ่นมากกว่า) มีทั้งแบบสีใส และแบบทึบ แบบเงา แบบกึ่งเงา และแบบด้าน โดยมากจะถูกนำไปใช้กับงานเฟอร์นิเจอร์ไม้ภายใน เช่น โต๊ะ ตู้ เก้าอี้ งานบิวต์อิน (Built-In) ต่าง ๆ หรือแม้กระทั่งกีตาร์ ก็สามารถใช้พ่นได้ เนื่องจากมีคุณสมบัติกันน้ำ และทนต่อรอยขีดข่วนได้ดี และสามารถเช็ดล้างทำความสะอาดง่าย นอกจากนี้ยังสามารถนำมาใช้กับพื้นผิวโลหะได้ด้วย
ตัวอย่างแลคเกอร์ | Beger Lacquer (โปร่งแสง), Beger Industrial Lacquer (ทึบแสง), Beger Aqua Industrial Lacquer (ทึบแสง)
ความแตกต่างของ แลกเกอร์ กับ โพลียูรีเทน?
แลกเกอร์จะแห้งเร็วกว่ามากโดยมีระยะเวลาแห้งผิวเพียง 5-10 นาที และแห้งพ่นหรือทาทับเพียง 30 นาทีเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นถ้าต้องการความทนทานที่สูง โพลียูรีเทนจะให้ฟิล์มที่มีความหนาที่มากกว่า แข็งกว่า และทนทานได้มากกว่า
วิธีใช้สีงานไม้ตามแบบช่างไม้มืออาชีพ
สีงานไม้ประเภทต่าง ๆ จะมีหลักการใช้งานคล้าย ๆ กัน แต่จะต่างกันตรงที่เทคนิคการทา อัตราส่วน และชนิดของตัวทำละลาย โดยทั่วไปมีขั้นตอนดังนี้
1. การเตรียมพื้นผิว
ก่อนจะทาสีใหม่ทุกครั้งจำเป็นต้องเตรียมพื้นผิวก่อนเสมอ เพื่อให้สีใหม่ที่เราจะทาลงไปสามารถยึดเกาะและแทรกซึมได้ดี
- กรณีที่คุณต้องการจะทาไม้ใหม่ที่มียาง หรือมีน้ำมันตามธรรมชาติ ควรใช้ ทินเนอร์เบเยอร์ M-77 เช็ดยางไม้ออกก่อน แล้วตากให้แห้ง
- กรณีเป็นไม้ที่เคยทาสีมาแล้ว จะต้องลอกสีเดิมออกก่อน อาจจะใช้ น้ำยาลอกสี Beger Unisoft 9119 แล้วขัดเปิดให้ถึงเนื้อไม้ แล้วจึงทำความสะอาดเช็ดฝุ่นผงบนผิวออกให้หมด
- กรณีไม้มีรู มีรอยแตกร้าว แนะนำให้อุดโป๊วให้เรียบร้อยก่อน ด้วย เบเยอร์ วูดฟิลเลอร์
Beger Thinner M-77 | Beger Unisoft 9119 | Beger Wood Filler |
2. การทารองพื้นไม้
ในบางครั้งหากไม้ที่เราต้องการจะทาสี ไม่ได้มีปัญหาอะไร ก็ไม่จำเป็นต้องทารองพื้นไม้ เพียงแค่เตรียมพื้นผิวก็สามารถทาสีงานไม้ได้เลย แต่ในบางกรณีโดยเฉพาะการทาสีไม้เก่า อาจจะต้องทาสีรองพื้นไม้เพื่อปรับสภาพไม้ และป้องกันปัญหาไม้บางอย่าง เช่น ปัญหาปลวก ปัญหาแมลงกินไม้ ปัญหายางไม้ ปัญหาเสี้ยนไม้ เป็นต้น รวมถึงในสีบางประเภท เช่น สีทาไม้ชนิดทึบแสง ที่จะให้สีทับหน้าทาขึ้นได้ง่ายกว่าเดิม
- ลงรองพื้นด้วย น้ำยากันปลวกชนิดทาเบเยอร์ไดร้ท์สูตรน้ำ หรือ น้ำยากันปลวกชนิดทาเบเยอร์ไดร้ท์สูตรน้ำมัน จำนวน 1 เที่ยว โดยแนะนำให้ทาไม้ให้ครบทั้ง 6 ด้านเพื่อการป้องกันสูงสุด
- กรณีไม้มียาง เช่น ไม้แดง ไม้ตะเคียน เมื่อเช็ดทำความสะอาดด้วยทินเนอร์แล้ว แนะนำให้ลงรองพื้นกันยางไม้ Beger Wood Sealer B-2000 จำนวน 1 เที่ยว
- กรณีเป็นไม้เนื้ออ่อน เช่น ไม้สน แนะนำให้รองพื้นด้วยน้ำยารักษาเนื้อไม้ Beger B-6900 เพื่อป้องกันเชื้อรา และแมลงกินไม้ จำนวน 1 เที่ยว
- กรณีมีเสี้ยนไม้ทำให้พื้นผิวไม่เรียบเนียนแนะนำให้ใช้รองพื้นอุดร่องเสี้ยน Beger Sanding Sealer B-2400 จำนวน 1 เที่ยว ทิ้งไว้ให้แห้ง แล้วขัดลูบส่วนที่ดูไม่สม่ำเสมอออก
- สำหรับ ยูรีเทน 2K แนะนำให้ทารองพื้นอุดร่องเสี้ยน Beger Sanding Sealer B-5000/599 (2K)
- กรณีใช้สีทาไม้ประเภทแลคเกอร์สีโปร่งแสง อาจจะทาหรือพ่นด้วย สีรองพื้นแลคเกอร์อุดร่องเสี้ยน L-5555 จำนวน 1-2 เที่ยว และถ้าเป็นแลคเกอร์ชนิดทึบแสง การทารองพื้นจะช่วยประหยัดสีทับหน้าได้ โดยแนะนำให้ทาหรือพ่นด้วย สีรองพื้นเทา IL-999 จำนวน 1-2 เที่ยว
BegerDrite ชนิดทา (น้ำมัน) |
BegerDrite ชนิดทา (น้ำ) |
Beger Wood Sealer B-2000 |
Beger IL-999 |
Beger B-6900 | Beger Sanding Sealer B-2400 | Beger Sanding Sealer B-5000/599 (2K) | Beger L-5555 |
3. ทาสีทับหน้า ทาสีไม้
เมื่อเตรียมพื้นผิว และทารองพื้นตามแต่ละชนิดของไม้เรียบร้อยแล้ว ก็สามารถลงสีทับหน้าได้เลย
- สีทาไม้ ชนิดทึบแสง สามารถทาได้เลย หรืออาจจะผสมน้ำสะอาด 10-15% โดยให้ทา 2-3 เที่ยว เว้นระยะเวลาแห้งแต่ละเที่ยวประมาณ 2 ชั่วโมง
- สีย้อมไม้ สูตรน้ำมัน สามารถทาได้เลย หรือกรณีทากลางแจ้ง อาจจะผสมทินเนอร์ ประมาณ 15-20% กรณีเป็น สีย้อมไม้สูตรน้ำ ก็สามารถทาได้เลยเช่นกัน หรืออาจจะผสมน้ำสะอาด 0-10% ให้ทา 2-3 เที่ยว หลังทาแต่ละเที่ยวให้ใช้กระดาษทรายขัดลูบเบา ๆ แล้ว ทำความสะอาดฝุ่นผง ยกเว้นเที่ยวสุดท้าย
- ยูรีเทน 1K สามารถทาได้เลย หรือผสมทินเนอร์ ตามอัตราส่วนในคู่มือ ทาในจำนวน 3-4 เที่ยว และก่อนทาแต่ละเที่ยวให้ใช้กระดาษทรายขัดลูบเบา ๆ แล้วทำความสะอาดฝุ่นผง ยกเว้นเที่ยวสุดท้าย
- ยูรีเทน 2K ผสมผลิตภัณฑ์ Part A, Part B และทินเนอร์ ตามอัตราส่วนในคู่มือ แล้วทาในจำนวน 3-4 เที่ยว โดยก่อนทาแต่ละเที่ยวให้ใช้กระดาษทรายขัดลูบเบา ๆ แล้วทำความสะอาดฝุ่นผง ยกเว้นเที่ยวสุดท้าย
- ยูรีเทนสูตรน้ำ สามารถทาได้เลย หรือผสมน้ำสะอาด 0-10% ทาในจำนวน 3-4 เที่ยว และก่อนทาแต่ละเที่ยวให้ใช้กระดาษทรายขัดลูบเบา ๆ แล้วทำความสะอาดฝุ่นผง ยกเว้นเที่ยวสุดท้าย
- น้ำมันทาไม้ สามารถทาได้เลยโดยไม่ต้องผสมตัวทำละลายใด ๆ และให้ทาจำนวน 2 เที่ยว
- แลคเกอร์ ผสมทินเนอร์ในอัตราส่วน สี : ทินเนอร์ 1:1.5-2 แล้วพ่นจำนวน 2-3 เที่ยว
ข้อควรและไม่ควรทำในการทาสีไม้
โดยทั่วไปสีงานไม้ประเภทต่าง ๆ ถือว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่ต้องใช้ความชำนาญมากพอสมควร ตั้งแต่ขั้นตอนการผสม ขั้นตอนการทา ดังนั้นจึงต้องศึกษาวิธีการใช้งานของสีทาไม้แต่ละชนิดให้ดี และทราบถึงข้อควรระวังก่อนลงมือใช้ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหางานไม้ที่อาจเกิดขึ้นได้
- ควรใช้ทินเนอร์ยี่ห้อเดียวกับสีทาไม้ และต้องใช้รุ่นที่ระบุไว้ในคู่มือการใช้งาน หรือแคตตาล็อกเท่านั้น ซึ่งการใช้ทินเนอร์อื่นนอกเหนือที่กล่าวมา อาจทำให้ความเงาของฟิล์มลดลง สีไม่ยึดเกาะดังที่ควรจะเป็น และอาจจะทำให้เกิดปัญหาอื่น ๆ ตามมาได้ เนื่องจากแม้จะเป็นทินเนอร์เหมือนกัน แต่ก็อาจมีส่วนประกอบที่แตกต่างกัน
- ผสมทินเนอร์ หรือน้ำสะอาดตามอัตราส่วนที่กำหนดในคู่มือเท่านั้น หากผสมมากไปอาจทำให้เฉดสีเจือจาง หรือทำให้ฟิล์มไม่แห้ง
- ต้องมั่นใจว่าสีที่ทาไปแห้งแล้วจริง ๆ ก่อนจะลงมือทาเที่ยวถัดไป ซึ่งสามารถดูระยะเวลาแห้งทาทับได้จากคู่มือการใช้งานของแต่ละผลิตภัณฑ์ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาสีย่น สีเหนียว
- ห้ามนำสีย้อมไม้ไปทาพื้น เพราะอาจทำให้เกิดปัญหาพื้นเหนียว
- ห้ามนำโพลียูรีเทน ไปทาทับบนสีย้อมไม้ที่ยังไม่แห้งสนิท ซึ่งอาจทำให้โพลียูรีเทนไปกัดฟิล์มสีเดิม ทำให้สีเสียหายโป่งพอง
คำแนะนำในการเลือกซื้อสีทาไม้
1. บอกร้านค้า หรือพนักงานขายให้ละเอียดถึงความต้องการของคุณ เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์กับการใช้งานมากที่สุด
- ต้องการเอาสีไปใช้ทาไม้อะไร (ไม้ชนิดไหน ไม้แท้ ไม้เทียม) เนื่องไม้บางชนิดเป็นไม้มียาง หรือมีเสี้ยน จำเป็นต้องใช้ผลิตภัณฑ์เช็ดยางไม้ หรืออุดร่องเสี้ยน ในการเตรียมพื้นผิวก่อนลงมือทา
- ต้องการเอาสีไปทาอะไร บริเวณไหน เช่น ทาผนัง ทาพื้น หรือทาเฟอร์นิเจอร์, ทาภายนอกบ้าน หรือทาภายในบ้าน แต่ถ้าให้ดีบอกตำแหน่งไปเลย เช่น เอาไปทาระแนงนอกบ้าน เป็นต้น
- ต้องการฟิล์มสีและเฉดสีอะไร เช่น อยากได้ฟิล์มสีแบบกึ่งเงา โชว์ลายไม้ เฉดสีมะฮอกกานี เป็นต้น ซึ่งในเรื่องเฉดสีบางร้านค้าอาจจะมีแผ่นตัวอย่างเฉดสีจริง ซึ่งจะทำให้ตัดสินใจง่ายขึ้น
- มีข้อกังวล หรืออยากได้คุณสมบัติอะไรเพิ่มเติมหรือไม่ เช่น อยากได้ที่กลิ่นอ่อน ๆ อยากได้ที่แห้งไว เป็นต้น
ตัวอย่าง อยากได้สีทาไม้สัก บริเวณผนังภายในบ้าน อยากได้ฟิล์มแบบเงา สีเหมือนไม้สัก อยากได้ทน ๆ เป็นต้น
กรณีถ้าต้องการสั่งซื้อออนไลน์ สามารถทักเข้ามาสอบถามผู้เชี่ยวชาญงานไม้ของสีเบเยอร์ เพื่อรับคำแนะนำผลิตภัณฑ์ ได้ฟรี ที่นี่
2. เช็กสินค้าก่อนออกจากร้านค้า และเก็บใบเสร็จไว้ให้ดี
อย่าลืมเช็กขนาด เช็กเฉดสี ว่าตรงกับที่คุณต้องการหรือไม่ก่อนออกจากร้านด้วยนะครับ จะได้ไม่ต้องเสียเวลาเอามาเปลี่ยน และที่สำคัญให้เก็บใบเสร็จในการซื้อไว้ด้วยนะครับ
สรุป วิธีเลือกสีทาไม้ ต้องเลือกอย่างไรดี
คุยมาซะเยอะจนเริ่มตาลาย เบเยอร์ทำตารางสรุปการเลือกสีงานไม้ให้ถูกประเภท เลือกให้ตรงกับงาน ตรงกับพื้นผิว มาให้แล้ว ดูจากตารางด้านล่างนี้ได้เลย
คุณสมบัติ | สีทาไม้ | สีย้อมไม้ | ยูรีเทน | น้ำมันทาไม้ | แลคเกอร์ |
พื้นการใช้งานหลัก |
งานไม้แนวตั้งทั้งภายนอกและภายใน เช่น ผนังไม้ ฝาบ้าน วงกบ ประตู หน้าต่าง เชิงชาย ระแนง หรือ รั้วบ้าน ฯลฯ |
งานไม้แนวตั้งทั้งภายนอก และภายใน เช่น ผนังไม้ ฝาบ้าน วงกบ ประตู หน้าต่าง เชิงชาย ระแนง หรือ รั้วบ้าน ฯลฯ ยกเว้น ที่เป็น สีย้อมพื้นไม้ (DeckStain) สามารถสามารถนำมาทาพื้นได้ |
พื้นไม้และเฟอร์นิเจอร์ภายใน
|
เฟอร์นิเจอร์ไม้ภายใน และภายนอก |
เฟอร์นิเจอร์ไม้ภายใน |
|
|||||
วิธีใช้งาน | ทา พ่น กลิ้ง | ทา กลิ้ง | ทา พ่น กลิ้ง | ทา กลิ้ง | ทา พ่น กลิ้ง |
ตัวทำละลาย | น้ำสะอาด (สำหรับสีสูตรน้ำ) | ทินเนอร์ M-1199 หรือ น้ำสะอาด (สำหรับสีสูตรน้ำ) | ทินเนอร์ หรือ น้ำสะอาด (สำหรับสีสูตรน้ำ) | ไม่ต้องผสม | ทินเนอร์ หรือ น้ำสะอาด (สำหรับสีสูตรน้ำ) |
รองพื้น | สามารถทาน้ำยากันปลวก เบเยอร์ไดร้ท์เป็นรองพื้นได้ | สามารถทาน้ำยากันปลวก เบเยอร์ไดร้ท์เป็นรองพื้นได้ | สามารถทาน้ำยากันปลวก เบเยอร์ไดร้ท์เป็นรองพื้นได้ | สามารถทาน้ำยากันปลวก เบเยอร์ไดร้ท์เป็นรองพื้นได้ | สามารถทาน้ำยากันปลวก เบเยอร์ไดร้ท์เป็นรองพื้นได้ |
ชนิดฟิล์ม | ทึบแสง (เงา กึ่งเงา ด้าน) | โปร่งแสง (เงา กึ่งเงา ด้าน) | โปร่งแสง | โปร่งแสง | โปร่งแสง และทึบแสง (เงา กึ่งเงา ด้าน) |
เฉดสี | มีเฉดสี | ใส , มีเฉดสี | ใส , มีเฉดสี | ใส | ใส , มีเฉดสี |
รุ่นสินค้า |
|
|
|
|
|
นอกจากส่วนต่าง ๆ ในบ้านที่ทำมาจากไม้จริงแล้ว ปัจจุบันด้วยความที่ไม้นั้นหายากและมีราคาแพงขึ้น หลาย ๆ คนจึงเลือกใช้ ไม้เทียม ที่ทำจากวัสดุสังเคราะห์ เช่น ไฟเบอร์ซีเมนต์ สมาร์ทวูด ซึ่งการจะทาสีลงบนไม้เทียมพวกนี้ก็จะมีผลิตภัณฑ์เฉพาะเช่นเดียวกัน ซึ่งจะมาแนะนำให้ในบทความหน้าครับ
ข้อควรทราบ : สำหรับสีงานไม้ จำนวนเที่ยวการทาจะมีผลต่อความเข้มของสีย้อมไม้ ยิ่งจำนวนเที่ยวเยอะสีที่ได้ออกมาจะมีความเข้มขึ้น
ประโยชน์ของการทาสีไม้ จะทำให้ไม้สวย ยังเป็นการช่วยปกป้องรักษาไม้อันแสนล้ำค่าของคุณได้ ซึ่งไหน ๆ จะทาทั้งทีแนะนำให้ใช้ของดี ๆ และใช้ให้ถูกประเภท เพียงเท่านี้ “ไม้” ก็จะอยู่กับเราไปอีกนาน สุดท้ายนี้หากใครยังมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการทาสีไม้ หรือต้องการปรึกษาสอบถามเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ทาสีไม้ สามารถสอบถามกูรูผู้เชี่ยวชาญงานไม้ของเบเยอร์ ฟรี! ที่ไลน์ @begerpaint หรือโทร 02-8155888 กด 3 ติดต่อฝ่ายเทคนิคบริการได้เลยครับ