เบเยอร์ มุ่งขับเคลื่อนธุรกิจสีเขียวอย่างยั่งยืน ตั้งเป้านำไทยสู่สังคมคาร์บอนต่ำ

เบเยอร์ สานต่อปณิธานและแนวคิด Eco-Wellness Innovation สีนวัตกรรม รักษ์โลก รักคุณ สู่การขับเคลื่อนธุรกิจสีเขียว (Green Business) อย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืน พร้อมปรับทิศทางการดำเนินงานเต็มรูปแบบตลอดทั้งกระบวนการ เพื่อบรรลุตามเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศ จำนวน 5,500 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าภายในปี 2032 รวมถึงสร้างความตระหนักรู้ถึงความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในสังคมไทย

ดร.วรวัฒน์ ชัยยศบูรณะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทสีเบเยอร์ เปิดเผยว่า เบเยอร์ พร้อมขับเคลื่อนเข้าสู่ธุรกิจสีเขียว (Green Business) อย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืน โดยปรับกระบวนทัศน์ทางความคิดของผู้ร่วมงานให้สอดคล้องกับความใส่ใจและตระหนักถึงสิ่งแวดล้อม พร้อมส่งต่อแนวคิดดังกล่าวไปยังกลุ่มเป้าหมาย หรือผู้ที่เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ อาทิ

การวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ สร้างสรรค์นวัตกรรมที่ตอบโจทย์ทั้งความต้องการด้านการใช้งานและพัฒนาคุณภาพชีวิตโดยไม่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม หรือลดการเกิดปัญหาต่อสิ่งแวดล้อมให้น้อยที่สุด

กระบวนการผลิตตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ใช้ระบบการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สามารถแปรของเสียจากกระบวนการผลิตกลับมาใช้ใหม่ให้เกิดประโยชน์ได้อย่างคุ้มค่าสูงสุด (Circular economy) จึงลดปริมาณของเสียสู่โลก หรือใกล้เคียงศูนย์ (Almost zero waste) รวมถึงลดการใช้พลังงานและวัตถุดิบสิ้นเปลืองหันมาใช้ทรัพยากรทดแทนจากธรรมชาติ เช่น ใช้พลังงานสะอาดจากแสงอาทิตย์ หรือ โซล่าร์เซลล์ ภายในโรงงาน ลดการใช้พลังงานถ่านหิน การนำวัตถุดิบจากพืช (Bio-based) และสามารถปลูกทดแทนได้มาใช้ในกระบวนการผลิต เป็นต้น

ผลิตภัณฑ์ที่ส่งต่อถึงมือผู้ใช้งานทั้งทางตรงและทางอ้อม ผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการวิจัยและพัฒนามาแล้ว มุ่งเน้นคุณสมบัติด้านความทนทาน ทำให้สามารถใช้งานผลิตภัณฑ์ได้อย่างคุ้มค่า ในระยะยาวจึงช่วยโลกลดทอนการผลิตที่ไม่จำเป็น หรือหากจำเป็นต้องผลิตก็สามารถเลือกผลิตภัณฑ์ที่สร้างผลกระทบต่อโลกน้อยที่สุด สำหรับผู้อาศัยในบ้าน/อาคารที่เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ เบเยอร์ ก็มีส่วนช่วยลดการใช้พลังงาน ลดการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศ เช่น การเลือกใช้สีเบเยอร์ คูล ที่มีประสิทธิภาพในการสะท้อนความร้อนอย่างมีประสิทธิภาพ ภายในห้องจึงเย็น ลดการใช้พลังงานของเครื่องปรับอากาศ

นอกจากการปรับเปลี่ยนทิศทางการดำเนินงานภายในองค์กรแล้ว เบเยอร์ พร้อมเป็นส่วนหนึ่งของสังคม และโลกในการช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ตามข้อตกลง COP26 (การประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 26) โดยตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศ จำนวน 5,500 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าภายในปี 2032 หรือเฉลี่ยราว 550 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี

สำหรับกระบวนการผลิตของ เบเยอร์ ในรูปแบบอินไลน์อัตโนมัติระบบสุญญากาศ หรือเรียกสั้น ๆ ว่า AVID (Automatic Vacuum Inline Dispersion) ซึ่งเป็นรายแรกและรายเดียวที่ใช้ระบบนี้ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีส่วนสำคัญที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูงขึ้น ขณะที่ลดการใช้ทรัพยากรด้านพลังงาน แรงงาน และเวลา ทั้งยังลดของเสียที่เกิดจากการผลิต สามารถนำน้ำเสียที่เกิดจากกระบวนการผลิตกลับมาใช้ได้ 100% (100% Reused Cleaning Water) ลดการใช้พลังงานไฟฟ้าถึง 85.39% ต่อปี และลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศ  เบเยอร์ จึงช่วยลดทั้งปัญหาฝุ่นละอองในอากาศ มลพิษ น้ำเสีย ของเสียจากการผลิตอื่น ๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อชุมชนรอบข้าง กล่าวได้ว่าเป็นการ “ลดในส่วนเกิน เพิ่มในส่วนขาด สร้างศักยภาพการผลิตอย่างแท้จริง”

ส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นในการขับเคลื่อนธุรกิจสีเขียว (Green Business) ของ เบเยอร์ อย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืน พิสูจน์ได้ผ่านผลิตภัณฑ์นวัตกรรมยอดนิยมกว่า 37 รุ่น ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานฉลากลดคาร์บอน โครงการฉลากเขียว มูลนิธิสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย ประเภทผลิตภัณฑ์สีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เนื่องด้วยความโดดเด่นของนวัตกรรมการผลิตขั้นสูง ซึ่งช่วยลดมลภาวะจากกระบวนการผลิตเอง สอดคล้องกับค่านิยมของผู้บริโภคในปัจจุบันด้านความใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม สีเบเยอร์ จึงนับเป็นผลิตภัณฑ์ทางเลือกที่ให้ผู้บริโภคได้มีส่วนร่วมในการช่วยลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และเรือนกระจก ทั้งยังเป็นอีกหนึ่งกลไกทางการตลาดที่กระตุ้นให้ผู้ประกอบการธุรกิจต่าง ๆ หันมาให้ความสำคัญกับความต้องการของผู้บริโภคด้านสิ่งแวดล้อมเพิ่มขึ้น

กว่า 60 ปีที่ดำเนินธุรกิจ เบเยอร์ มุ่งมั่นต่อการวิจัยและพัฒนา พร้อมยกระดับความสามารถในการผลิตอย่างต่อเนื่อง เพื่อก้าวสู่การเป็นแบรนด์สินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม จัดสรรทรัพยากรได้อย่างคุ้มค่า เพื่อให้ผู้บริโภคมั่นใจในความเป็นผู้นำด้านสีนวัตกรรมที่พร้อมดำเนินงานตามปณิธาน Eco-Wellness Innovation อย่างยั่งยืน

SHARE :
กรุณาเลือกหมวดหมู่การค้นหา และพิมพ์คำค้นหาอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง