หนึ่งในปัญหาหน้าฝนที่สร้างความลำบากให้กับเราคงหนีไม่พ้นโรคที่มากับหน้าฝน ซึ่งเป็นผลจากการอากาศที่เย็นและชื้นสูง จนเชื้อโรคชนิดต่าง ๆ สามารถเจริญเติบโตและแพร่กระจายได้ง่ายและเร็วกว่าปกติ ใบบทความนี้จึงได้ยก 4 โรคหน้าฝนที่ควรระวัง และวิธีป้องกันตัวเองที่ถูกต้องมาฝากกัน
รวม 4 โรคหน้าฝนที่พบได้บ่อย
ไม่ใช่เพียงอากาศแปรปรวนที่มากับหน้าฝน แต่เชื้อโรคก็มาเช่นกัน ซึ่งหากไม่รีบดูแลตัวเองหรือหาวิธีลดปริมาณเชื้อโรคที่ลอยภายในบ้านให้ได้มากที่สุด ก็อาจกระทบต่อสุขภาพจนป่วยไข้ได้ ตัวอย่างโรคหน้าฝนที่มักระบาดในหน้านี้ ได้แก่
1. ไวรัส RSV
หนึ่งในโรคติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจที่มักระบาดในหมู่เด็กเล็กช่วงหน้าฝนคงหนีไม่พ้นการติดเชื้อไวรัส RSV (Respiratory Syncytial Virus) ซึ่งติดต่อจากการสัมผัสน้ำมูก น้ำลาย หรือละอองจากการไอในอากาศ ผู้ป่วยมักเริ่มมีอาการคล้ายไข้หวัดอย่างมีไข้ ไอ น้ำมูกไหล กรณีรุนแรงก็อาจตามมาด้วยอาการอักเสบในระบบทางเดินหายใจส่วนล่างอย่างหลอดลมและปอด แต่มักหายเป็นปกติได้ใน 1-2 สัปดาห์
2. โรคมือเท้าปาก
โรคมือเท้าปากก็เป็นโรคหน้าฝนที่พบได้บ่อย โดยเฉพาะในเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี มีสาเหตุจากเชื้อไวรัสกลุ่มเอนเตอโรไวรัสหลายสายพันธุ์ ผ่านการสัมผัสเชื้อทั้งทางตรงและทางอ้อม ส่วนมากมักไม่ก่อให้เกิดอาการที่รุนแรง เช่น ไข้ เจ็บปาก น้ำลายไหล มีแผลในปาก ผื่นหรือตุ่มน้ำใสที่มือหรือฝ่าเท้า โรคมือเท้าปากมักหายได้เองใน 1 สัปดาห์
3. ไข้หวัดใหญ่
ไวรัสไข้หวัดใหญ่ (Influenza Virus) เป็นต้นเหตุของโรคไข้หวัดใหญ่ โดยเฉพาะสายพันธุ์ A และ B เข้าสู่ร่างกายผ่านการสูดดมเชื้อที่กระจายอยู่ในอากาศหรือสัมผัสกับเชื้อที่ปนเปื้อนบนสิ่งของ ทำให้เกิดอาการในระบบทางเดินหายใจ เช่น มีไข้สูง น้ำมูกไหล ไอ เจ็บคอ ปวดศีรษะ หรือปวดกล้ามเนื้อ อาการของผู้ป่วยแต่ละคนอาจรุนแรงมากน้อยต่างกันไปขึ้นอยู่กับสภาพร่างกาย แต่บางรายอาจรุนแรงจนเสี่ยงต่อการเสียชีวิตได้
4. โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)
โรคนี้เกิดจากไวรัสโคโรนาที่มีชื่อว่า SARS-CoV-2 แม้จะกลายเป็นโรคประจำถิ่นไปแล้ว แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า โควิด-19 ยังคงระบาดอยู่เรื่อย ๆ ในช่วงหน้าฝนเองก็เช่นกัน เนื่องจากอุณหภูมิที่เอื้อต่อการเจริญเติบโตและการแพร่กระจายของเชื้อโรค ผู้ป่วยจะมีอาการในระบบทางเดินหายใจ เช่น มีไข้ หายใจลำบาก อ่อนเพลีย ปวดกล้ามเนื้อ เจ็บคอ ลิ้นไม่รู้รส จมูกไม่ได้กลิ่น โดยส่วนใหญ่อาการมักไม่รุนแรงและหายได้เอง แต่บางคนก็อาจรุนแรงจนต้องรักษาในโรงพยาบาล
วิธีป้องกันโรคหน้าฝนมีอะไรบ้าง?
การป้องกันโรคหน้าฝนไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแต่อาศัยความมีวินัย ทำให้เป็นนิสัย รวมถึงใส่ใจดูแลสุขภาพตัวเองและสุขภาพของบ้านอยู่เสมอ ยกตัวอย่างเช่น
- หมั่นล้างมือด้วยสบู่และน้ำสะอาดวันละหลาย ๆ ครั้ง ครั้งละ 1-2 นาที
- รับประทาอาหารที่มีประโยชน์ สุก สะอาด โดยใช้ช้อนกลางทุกครั้ง ป้องกันเชื้อแพร่กระจาย
- หลีกเลี่ยงการใกล้ชิดผู้ป่วย สถานที่แออัดอย่างสวนสนุกหรือสนามเด็กเล่นในช่วงที่มีการระบาด
- ฉีดวัคซีนป้องกันโรคหน้าฝน เช่น วัคซีนป้องกันโควิด-19 หรือวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ปีละครั้ง
- ทำความสะอาดสิ่งของ เครื่องใช้ ของเล่นเด็ก เฟอร์นิเจอร์ และผนังบ้านเป็นประจำ เพื่อลดปริมาณเชื้อโรคที่อาจปนเปื้อน
- กำจัดเชื้อโรคในอากาศด้วยเครื่องฟอกอากาศที่มีแผ่นกรองคุณภาพสูงอย่าง HEPA Filter หรือเลือกทาสีบ้านภายในที่มีคุณสมบัติช่วยฟอกอากาศและสลายเชื้อโรคได้
สีทาบ้านภายในป้องกันโรคหน้าฝนได้อย่างไร?
สีทาบ้านภายใน เบเยอร์ BegerShield AirFresh Gold iON มีเทคโนโลยี โกลด์ ไอออน (Gold Ion) ที่สามารถเข้าไปจัดการกับเชื้อโรคได้ถึงแกนกลาง ทำให้เชื้ออ่อนแอลงและถูกกำจัดง่ายขึ้น จึงช่วยยับยั้งเชื้อโรคบนผนังได้สูงถึง 99.99%* ไม่ว่าจะไวรัส เชื้อรา หรือแบคทีเรีย เช่น โคโรนาไวรัสสายพันธุ์ SARS-CoV-2 หรือสายพันธุ์ Omicron ไวรัส RSV ไวรัสก่อโรคมือเท้าปาก และเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ ยืนยันผลการทดสอบจากสถาบันสุขภาพระดับโลก**
นวัตกรรมฟอกอากาศให้บริสุทธิ์ด้วยแสง (Photocatalyst) ตลอด 24 ชั่วโมง ยังช่วยลดความเสี่ยงของภูมิแพ้และปัญหาในระบบทางเดินหายใจอย่างมลพิษและสารฟอร์มัลดีไฮด์ได้เป็นอย่างดี ผสานกับคุณสมบัติเช็ดล้างง่าย และทนต่อการขัดถูกว่า 400,000 ครั้ง สีฟอกอากาศตัวนี้จึงเป็นสีทาภายในที่คุณแม่หลายคนไว้วางใจเลือกใช้เพื่อสุขภาพที่ดีของลูกน้อยและคนในครอบครัว
*ผลการทดสอบจากห้องปฎิบัติการเบเยอร์
**ดูผลการทดสอบและใบรับรองจากสถาบันทั้งหมด ที่นี่
References:
1. About COVID-19 | CDC
2. Key Facts About Influenza (Flu) | CDC
3. ไวรัส RSV ภัยร้ายใกล้ตัวเด็ก | โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์
4. โรคที่มากับหน้าฝน | โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์
5. โรคมือเท้าปาก | pidst.or.th
6. โรคไข้หวัดใหญ่และวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ | pidst.or.th