กลับมาแล้ว! มาตรการลดหย่อนภาษีที่ทุกคนอยากได้ ใครวางแผนซื้อสีหรือคิดจะรีโนเวทบ้านไว้ตั้งแต่ปีที่แล้วก็เตรียมตัวไปชอปลดหย่อนภาษีกันเลย โดยมาตรการ Easy E-Receipt & E-Tax 2567 นี้จะมีความแตกต่างจากโครงการช้อปดีมีคืนในปีก่อน ๆ อยู่ไม่น้อย ขั้นตอนการรับสิทธิ E-Receipt & E-Tax Invoice และเงื่อนไขการซื้อสินค้าจะมีอะไรเปลี่ยนไปบ้าง ไปดูกันเลยครับ
ขั้นตอนการรับสิทธิ Easy E-Receipt & E-Tax Invoice 2567
- เช็กร้านค้าที่สามารถออกใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ (E-Tax Invoice) หรือใบรับอิเล็กทรอนิกส์ (E-Receipt) ได้ผ่านเว็บไซต์กรมสรรพากร https://efiling.rd.go.th สอบถามที่ร้านค้าโดยตรง หรือมองหาสัญลักษณ์ E-Receipt และ E-Tax Invoice
- เมื่อซื้อสินค้าที่หน้าร้านเสร็จแล้ว ผู้ซื้อจะได้รับใบกำกับภาษีอย่างย่อ (ใบเสร็จรับเงินในรูปแบบกระดาษ) จากจุดชำระสินค้า ให้นำใบเสร็จนั้นไปขอรับใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ ที่จุดบริการลูกค้าที่ห้างร้านกำหนด
- แจ้งอีเมล (E-mail) ที่ใช้สำหรับรับใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ให้กับพนักงานที่จุดบริการ โดยร้านค้าจะส่งเอกสารใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ในรูปแบบไฟล์ PDF หรืออื่น ๆ ให้หลังจากนั้น
- การซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ทุกประเภทให้สังเกตร้านที่มีสัญลักษณ์ Easy E-Receipt หรือ e-Tax จึงจะสามารถแจ้งขอใบกำกับภาษีได้ การแจ้งข้อมูลที่ใช้ออกใบกำกับภาษีและอีเมลเป็นไปตามที่ร้านค้ากำหนด
เงื่อนไขในการขอ Easy E-Receipt & E-Tax Invoice 2567
ในเบื้องต้น กรมสรรพภากรได้กำหนดการซื้อสินค้าหรือบริการในช่วงวันที่ 1 มกราคม 2567 ถึง 15 กุมภาพันธ์ 2567 เท่านั้น จึงจะนำมาใช้ในลดหย่อนภาษีในปีภาษี 2567 ตามจำนวนที่จ่ายจริง (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว) สูงสุดไม่เกิน 50,000 บาท ดังนั้น ทุกคนจึงควรวางแผนเวลากันให้ดี และควรศึกษาเงื่อนไขของมาตรการ สินค้าชนิดใดบ้างที่เข้าร่วม และสินค้าชนิดใดไม่เข้าร่วม จะได้ไม่เสียสิทธิ์ เสียเงิน หรือเสียเวลาฟรีนะครับ แต่ที่แน่ ๆ สินค้าสีเบเยอร์ของเราที่จำหน่ายตามห้างร้านชั้นนำที่มีสัญลักษณ์ Easy E-Receipt & E-Tax Invoice สามารถนำไปลดหย่อนได้แน่นอนครับผม!
ทั้งนี้ ผู้มีเงินได้บุคคลธรรมดาเท่านั้นที่จะมีสิทธิในการลดหย่อนภาษีจากมาตรการนี้ โดยเป็นการนำยอดซื้อทั้งหมดไปลดหย่อนจากจำนวนเงินได้พึงประเมินสุทธิ ที่ต้องนำไปคำนวณฐานภาษีแบบขั้นบันได อัตราลดหย่อนสูงสุดของแต่ละขั้นบันไดฐานภาษีตามที่กรมสรรพากรกำหนดจะมีรายละเอียดดังนี้ครับ เบเยอร์ได้คำนวณกรณีใช้สอยเต็ม 50,000 บาท และใช้เพียง 10,000 บาท มาให้ดูประกอบการพิจารณาด้วยนะครับ
เงินได้สุทธิต่อปี | ฐานภาษี | ภาษีเงินคืน (กรณีเต็ม 50,000 บาท) | ภาษีเงินคืน (กรณี 10,000 บาท) |
น้อยกว่า 150,000 | ยกเว้น | 0 | 0 |
150,001-300,000 | 5% | 2,500 | 500 |
300,001-500,000 | 10% | 5,000 | 1,000 |
500,001-750,000 | 15% | 7,500 | 1,500 |
750,001-1,000,000 | 20% | 10,000 | 2,000 |
1,000,001-2,000,000 | 25% | 12,500 | 2,500 |
2,000,001-5,000,000 | 30% | 15,000 | 3,000 |
5,000,001 ขึ้นไป | 35% | 17,500 | 3,500 |
ร้านขายสีเบเยอร์ที่มีสัญลักษณ์ Easy E-Receipt และ E-Tax Invoice
เจ้าของบ้านหรือใครก็ตามที่มีแผนจะรีโนเวทบ้านหรือทาสีห้องใหม่รับปีมังกรก็สามารถไปจับจ่ายซื้อสีเบเยอร์จากร้านค้าที่เข้าร่วมมาตรการ Easy E-Receipt & E-Tax Invoice เหล่านี้ สะดวกที่ไหน ไปที่นั่นได้เลยครับผม หรือจะซื้อสีผ่านร้านค้าออนไลน์ก็ได้เช่นกันครับ
*เงื่อนไขเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลปี 2567
**เฉพาะร้านค้าที่สามารถออกใบกำกับภาษีได้เท่านั้น