การทาสีไม้ให้ดูเป็นธรรมชาตินั้น จะเน้น การทาเพื่อการปกป้องเนื้อไม้ มากกว่าการทาเพื่อปกปิดหรือย้อมเปลี่ยนเฉดสีเนื้อไม้เดิม ซึ่งเมื่อทาสีแล้วลายไม้และสีสันของไม้ที่เป็นเอกลักษณ์ดั้งเดิมหายไป จึงทำให้รู้สึกว่ามันดูไม่เป็นธรรมชาตินั่นเอง
สาเหตุ
- ใช้สีทาไม้ที่ให้เฉดสี ลักษณะฟิล์มสีที่ไม่เข้ากับเนื้อไม้
- ใช้สีทาไม้ที่ไม่มีความโปร่งแสงมากพอ ทำให้ลายไม้ถูกกลบหายไป
วิธีการแก้ไขปัญหา
1. เตรียมพื้นผิว
ควรขัดเปิดหน้าไม้จนถึงเนื้อไม้เดิม ด้วยกระดาษทรายเบอร์ 80-100 ก่อน แล้วทำความสะอาดพื้นผิว เช็ดเก็บฝุ่นผง หรือคราบต่าง ๆ
กรณีที่ไม้มียาง ควรเช็ดทำความสะอาดยางไม้ด้วย เบเยอร์ ทินเนอร์ M-77
หากไม้มีรอยแตก มีรู หรือรอยหัวตะปู ควรทำการซ่อมแซมอุดโป๊วด้วย เบเยอร์ วูดฟิลเลอร์ ทิ้งไว้ 30 นาที แล้วขัดให้เรียบด้วยกระดาษทรายเบอร์ 320 แล้วเช็ดทำความสะอาด
2. ทาสีไม้ด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีลักษณะฟิล์มใส
เมื่อเตรียมพื้นผิวเสร็จ หากต้องการคงสภาพลายไม้และสีไม้ ให้ใกล้เคียงเป็นธรรมชาติที่สุด ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่เป็นลักษณะฟิล์มสีใส
- ทาสี ผนังไม้ งานไม้แนวตั้ง ด้วยสินค้าสีย้อมไม้ชนิดใส เช่น Beger WoodStain Supreme Clear Coat
- ทาสี พื้นไม้ ด้วยสินค้าสีย้อมพื้นไม้ เช่น Beger NaturalDeck ที่ทนการเหยียบย่ำได้ดี หรือถ้าพื้นผิวไม้เดิมสีสันเริ่มซีดจางอยากเติมสีเข้าไปดูสวยงามขึ้น ก็สามารถเลือกเฉดสีที่ชอบได้เลย เช่น สีไม้สัก สีไม้ประดู่ สีไม้แดง สีไม้มะฮอกกานี หรือสีไม้วอลนัท เป็นต้น
- ทาสี เฟอร์นิเจอร์ไม้ ด้วยสินค้าประเภทแลคเกอร์ใส เช่น เบเยอร์ แลคเกอร์ L-5000 หรือ หรือใช้น้ำมันรักษาเนื้อไม้ เบเยอร์ ทีคออย ที่จะช่วยเคลือบปกป้องเนื้อไม้จากทั้งแดด ฝน เชื้อรา ตะไคร่น้ำ รวมไปถึงแมลงกินไม้ต่าง ๆ ก็ได้เช่นเดียวกันครับ
การป้องกันปัญหา
- เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ สีทาไม้ ชนิดฟิล์มใสที่มีคุณภาพ
- อาจจะทารองพื้นด้วยน้ำยารักษาเนื้อไม้ หรือน้ำยาป้องกันปลวก เพื่อเสริมเพิ่มการปกป้องพื้นไม้ขั้นสูงสุด
เคล็ดลับ Tips & Trick
- กรณีที่เป็นไม้เนื้ออ่อน หลังการเตรียมพื้นผิวเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก่อนทาสีไม้แนะนำให้รองพื้นด้วย น้ำยารักษาเนื้อไม้ เบเยอร์ B-6900 1 เที่ยว เพื่อเพิ่มการป้องกันเนื้อไม้ไปอีกขั้น จากปัญหาเชื้อรา ตะไคร่น้ำ หรือแมลงกินไม้ เป็นต้น